ทังสเทน (Tungsten) เป็นธาตุโลหะทรานซิชันที่มีหมายเลขอะตอม 74 ในตารางธาตุ เป็นโลหะหนักมาก หนาแน่นที่สุดในหมู่ธาตุที่พบในธรรมชาติ มีจุดหลอมเหลวสูงสุด (3,422 °C) และจุดเดือดสูง (5,660 °C)
ทังสเทนถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1783 โดย Juan José and Fausto Elhuyar และได้รับการตั้งชื่อตามภาษาสวีเดน “tung sten” ซึ่งหมายถึง “หินหนัก” เนื่องจากมันมีความหนาแน่นสูงมาก ทังสเทนเป็นโลหะที่แข็งแกร่งมาก และทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ทำให้มีประโยชน์มากมายในอุตสาหกรรมต่างๆ
คุณสมบัติโดดเด่นของทังสเทน!
ทังสเทนมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่ทำให้เป็นวัสดุที่มีค่า:
- ความแข็งแกร่งสูง: ทังสเทนเป็นโลหะที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาโลหะทั้งหมด โดยมีความแข็งประมาณ 7.5 บนมาตราส่วน Mohs
- จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง: ทังสเทนสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดีมาก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง
- ความต้านทานการกัดกร่อน: ทังสเทนมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและกรดที่หลากหลาย
การประยุกต์ใช้ทังสเทน!
ด้วยคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ ทังสเทนมักถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น
- เครื่องมือตัด: ทังสเทนถูกนำมาใช้ในการผลิตเครื่องมือตัดต่างๆ เช่น สว่าน คัตเตอร์ และกรรไกร เนื่องจากความแข็งแกร่งและทนทาน
- แม่พิมพ์: ทังสเทนเหมาะสำหรับการทำแม่พิมพ์เนื่องจากความต้านทานอุณหภูมิสูงและความแข็งแรง
- หลอดไฟ: ทังสเทนถูกนำมาใช้ในการผลิตfilament ในหลอดไส้ เนื่องจากสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้
นอกจากนี้ ทังสเทนยังถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก เช่น
- อาวุธยุทโธปกรณ์: ทังสเทนถูกนำมาใช้ในการผลิตหัวกระสุนและเกราะป้องกัน เนื่องจากความแข็งแรงและความหนาแน่น
การผลิตทังสเทน!
ทังสเทนถูกสกัดจากแร่Wolframite และScheelite ทังสเทนในรูปของ Oxide จะถูกนำมาลดขนาดเพื่อให้ได้โลหะบริสุทธิ์ จากนั้นจะถูกขึ้นรูปและแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ประเภทแร่ | สูตรเคมี |
---|---|
Wolframite | FeWO4 |
Scheelite | CaWO4 |
ข้อควรระวัง!
แม้ว่าทังสเทนจะเป็นโลหะที่มีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรระมัดระวังในการใช้งาน เนื่องจากฝุ่นของทังสเทนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากสูดดมเข้าไปจำนวนมาก
การสวมใส่หน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ ในขณะที่ทำงานกับทังสเทนเป็นสิ่งสำคัญ
อนาคตของทังสเทน!
ทังสเทนยังคงเป็นวัสดุที่มีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมต่างๆ และคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษและความสามารถในการทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
การวิจัยและพัฒนาทังสเทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนที่ต่ำลง จะทำให้ทังสเทนเป็นวัสดุที่สำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต.